ณเดชน์เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551 และสัญญามีผลเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2552 (ระยะเวลา 5 ปี) ซึ่งณเดชน์ได้ประเดิมการแสดงละครโทรทัศน์ โดยมีผลงานเรื่องแรกคือ "เงารักลวงใจ" ในบทบาทของพระรองชื่อ "นาวา" โดยพิจารณาเลือกณเดชน์เข้ามาแสดงในบทบาทนี้ "ยศสินี ณ นคร" ผู้จัดละครแห่ง บริษัท เมคเกอร์ วาย กรุ๊ป จำกัด กล่าวไว้ว่า "เพราะ นาวาต้องนั่งรถเข็นเกือบครึ่งเรื่อง ดังนั้นต้องแสดงด้วยสีหน้า แววตาและคำพูด ไม่ได้มีท่าทางในการช่วงแสดง ซึ่งด้วยหน้าตา โครงหน้าของณเดชน์ ถือว่าแข็งแรงและดึงดูดได้" หลังจากนั้นเขาก็ได้มีผลงานละครต่อเนื่องในโปรเจกต์ใหญ่ "4 หัวใจแห่งขุนเขา" ละครชุดฉลองครบรอบ 40 ปีไทยทีวีสีช่อง 3 โดยครั้งนี้ณเดชน์รับบทเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกในตอนที่มีชื่อเรื่องว่า "ดวงใจอัคนี" โดยรับบทเป็น "อัคนี อดิศวร" หรือ "ไฟ" ประกบคู่กับ "อุรัสยา เสปอร์บันด์" ที่รับบทเป็น "อัจจิมา พศวัต" หรือ "จี๊ด" รวมถึงเป็นนักแสดงร่วมคู่กันต่อใน "วายุภัคมนตรา" ของละครชุดนี้ด้วย
ละครเรื่องดวงใจอัคนี เป็นผลงานที่ทำให้ณเดชน์มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง จนได้รับฉายา "ซุปตาร์พันธุ์ข้าวเหนียว" จากสมาคมนักข่าวบันเทิง ประจำปี 2553 ความนิยมของละครเรื่องนี้ ส่งผลให้ณเดชน์และอุรัสยา ได้แสดงนำคู่กันต่อในเรื่องถัดไป 2 เรื่องได้แก่ เกมร้ายเกมรัก และธรณีนี่นี้ใครครอง ตามลำดับ ซึ่งเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง ณเดชน์ก็ยังได้ร้องเพลงประกอบละครของตนเอง เป็นครั้งแรกอีกด้วย ชื่อเพลง "ให้รักมันโตในใจ" เป็นผลงานที่ณเดชน์ประเมินคะแนนการร้องให้ตนเองเพียง 5 เต็ม 10 รวมทั้งได้รับการกล่าวขานและยกย่องจากประชานิยม สื่อบันเทิงต่าง ๆ ให้เป็นพระนางคู่ขวัญร่วมกัน นอกจากนี้ณเดชน์และอุรัสยา ยังได้รับรางวัลเกียรติยศส่งเสริมภาพลักษณ์ และผลงานจากสื่อมวลชนหลายสำนัก ร่วมกันมากมาย ดูได้ที่หน้าบทความหลัก ณเดชน์ คูกิมิยะ
ผลงานโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ ชิ้นแรกของณเดชน์ที่ได้รับคือ หมากฝรั่ง Trident Recaldent คู่กับ "พัชราภา ไชยเชื้อ" ก่อนที่ณเดชน์จะเข้ามาแสดงละครโทรทัศน์ ในฐานะนักแสดงอย่างเต็มตัว ตามมาด้วย ครีมอาบน้ำ โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ โชกุบุสซึ เป็นชิ้นที่สอง และเมื่อณเดชน์มีชื่อเสียงจากผลงานละครโทรทัศน์ ทำให้ณเดชน์ได้เป็นผู้นำเสนอโฆษณาสินค้าต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย โดยเจ้าของสินค้าต่าง ๆ ได้กล่าวเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการเลือกณเดชน์มานำเสนอ อาทิเช่น มินิทเมด พัลพิ โดยมีจุดมุ่งหมายต้องการให้สื่อถึงกลุ่มเป้าหมายคือ คนรุ่นใหม่ คนทำงาน และครอบครัว ว่า "เพื่อใช้ภาพลักษณ์ของณเดชน์ ในการตอกย้ำความแข็งแกร่งของตราสินค้าในฐานะผู้นำตลาด" เครื่องดื่มชาเขียว โออิชิ ฟรุตโตะ ก็ได้ชี้แจงเหตุผลที่ใกล้เคียงกันว่า "ณเดชน์ คูกิมิยะ มีภาพลักษณ์และสามารถเชื่อมโยงถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้า คือกลุ่มวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ความหล่อ ทะเล้น กวน ถ่ายทอดออกมาในภาพยนตร์โฆษณาได้ ตรงกับคอนเซปต์ของโออิชิ ฟรุตโตะ ที่เป็นชาเขียวแท้ผสานผลไม้สายพันธุ์อารมณ์ดี" ทางด้านบริษัทรถยนต์ มาสด้า 2 ซีดาน ซึ่งต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้นกว่าเดิมให้เหตุผลว่า "กลุ่มผู้ที่ถูกใจในรูปลักษณ์สปอร์ต ทันสมัย ขยายออกไปสู่กลุ่มผู้ที่มองในเรื่องความสามารถของรถ ผ่านการสร้างการรับรู้ถึงรายละเอียด คุณสมบัติ และฟังก์ชันต่างๆ ของรถ โดยเสนอผ่าน "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ซึ่งสามารถเป็นตัวแทนของลูกค้ามาสด้า 2 ซีดาน ซึ่งก็คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอล เอจ (Digital Age)"
ส่วนสินค้าที่คัดเลือกโดยใช้จุดขายจากท้องถิ่นเกิดภาคอีสานของณเดชน์เจาะกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด อย่างทรูมูฟ ธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ มีจุดประสงค์คือ "เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความฝัน และความต้องการในฐานะตัวแทนลูกอีสานคนหนึ่ง ที่มีความภูมิใจในความเป็นอีสาน และประสบความสำเร็จตามความใฝ่ฝันของตนเอง"อติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกถึงความสำเร็จจากการทำภาพยนตร์โฆษณาทรูมูฟ ซิมฮักกัน ในปีที่แล้วว่า ส่งผลให้มีบริษัทมีฐานลูกค้าขยายเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นที่น่าพอใจ จึงได้ต่อสัญญาณเดชน์เป็นปีที่สองติดต่อกันทันที รวมทั้งวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายโฆษณาและส่งเสริมการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้กล่าวว่าเลือกณเดชน์ มาเป็นผู้นำเสนอโฆษณา เนื่องจาก ปีที่แล้วทางบริษัททำโฆษณาโดยใช้สโลแกนว่า "We Love Fino" ซึ่งให้ดาราแต่ละคนพูดถึงฟีโน่ในมุมมองของตนเองโดยไม่มีบท ซึ่งก่อนหน้านี้ณเดชน์ได้ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อนี้ เป็นพาหนะเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ในการนำเสนอณเดชน์ได้ใช้การพูดภาษาอีสาน เวลาถ่ายทำสกู๊ปก็ได้ใช้รถของณเดชน์เอง เปลี่ยนแค่หมวกเก่า ๆ ของณเดชน์ มีความตอนหนึ่งว่า "สิ่งที่เราได้ก็คือความเป็นธรรมชาติ ผู้บริโภคสมัยนี้ถ้าพรีเซ็นเตอร์โกหก หรือมัวแต่เก๊ก เขาดูออก สำหรับโฆษณาฟีโน่ ณเดชน์ไม่ใช่ดาราแต่เป็นตัวของเขาเอง" รวมถึงหนังโฆษณาหลายเรื่อง ที่ได้แสดงคู่กับ "อุรัสยา เสปอร์บันด์" ซึ่งมีชื่อเสียงจากการแสดงนำคู่กันในละครโทรทัศน์อาทิเช่น เลย์, มิสทิน และยำยำ จัมโบ้ เป็นต้น โดยมีโฆษณาแรกเริ่มจาก นมโฟรโมสต์ เพื่อรณรงค์ให้คนไทยดื่มนมมากขึ้น ภายใต้สโลแกน "สุขภาพดี 24 ชั่วโมง" เลือกให้เป็นผู้นำเสนอร่วมกัน แต่ยังไม่ได้แสดงด้วยกัน สินค้าตัวแรกที่นำเสนอคู่กันคือมันฝรั่งทอดกรอบเลย์ ด้านวรวรรณ ไชยกำเนิด ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของเลย์ เล่าถึงการที่เลือกณเดชน์และอุรัสยา เพราะทั้งคู่สนิทสนมมีมิตรภาพของความเป็นเพื่อนและพี่น้อง โดยกล่าวถึงผลตอบรับดังนี้ "ถ้าดูจากกระแสตอบรับจากผู้ชม และผู้บริโภคของเลย์ก็ต้องบอกว่าส่งผลดีค่ะ เนื่องจากเลย์เป็นแบรนด์แรก ที่นำน้องทั้งสองคนมาเป็นพรีเซนเตอร์คู่กัน ทำให้ทั้งแฟนคลับและคนที่ชื่นชอบ ติดตามผลงานของน้องทั้งสองคนมาติดตามและบริโภคเลย์ ทำให้แบรนด์เลย์เป็นที่จดจำและอยู่ในใจผู้บริโภคได้มากขึ้น" ไปจนถึงนาฬิกาโซวิล เอ ติตัส (Solvil et Titus) ที่ณเดชน์และอุรัสยาได้รับเลือกให้เป็นคู่แรกของประเทศไทยเอกศักดิ์ ตั้งสุจริตพันธ์ รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย จำกัด ให้เหตุผลการตัดสินเลือกณเดชน์เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ อนึ่งใจความว่า "เรามองว่าการใช้ ณเดชน์ หรือพรีเซนเตอร์ท่านอื่นๆ จะช่วยสื่อถึงคีย์เมสเซจของผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน สร้างการรับรู้ และทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ กระแสความนิยม รวมทั้งบุคลิกความเป็นตัวณเดชน์เองก็ยังทำให้ภาพลักษณ์ของประกันชีวิตดูเทรนดี้และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหมู่มากได้"
จากภาพลักษณ์ในแวดวงโฆษณา ณเดชน์ได้รับตำแหน่ง "เจ้าพ่อพรีเซ็นเตอร์" ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 อย่างเป็นทางการจากสำนักข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการ ได้รับรางวัล ขวัญใจพรีเซนเตอร์ จากงาน Star Party TV Pool Award 2011 (ฉลองครบรอบ 22 ปี นิตยสารทีวีพูล) ทำสถิติผลงานโฆษณาสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 จาก 10 อันดับแรกของดาราที่มีผลงานรายได้รวมจากงานโฆษณา ประจำปี 2554 โดยนิตยสาร Request ฉบับเดือน กันยายน พ.ศ. 2554 อันดับที่ 1 จาก 10 ดาราสุดฮอต เจ้าพ่อเจ้าแม่พรีเซนเตอร์ โดยเว็บไซต์สนุกดอตคอม ได้รับการกล่าวขานให้เป็นปรากฏการณ์ "ณเดชน์ฟีเวอร์"และ "โปรดักต์แชมเปี้ยน" หัวข้อ ถอดรหัส "ณเดชน์ โมเดล" จากนิตยสารวิเคราะห์ด้านการตลาด Positioning และถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 12 คนบันเทิงรวย ผู้ทรงอิทธิพลครึ่งปีแรก 2555 ด้วยโฆษณาจำนวน 50 ตัว โดยนิตยสาร Requestทำสถิติสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของดาราชายที่มีรายได้จากงานโฆษณามากที่สุด 80 ล้านบาท ประจำปี 2555 อีกเช่นกันต่อเนื่องจากปี 2554
รายชื่อผลงานและรางวัลทางด้านสังคม การเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์ในกิจกรรมต่างๆ ที่ณเดชน์ได้ปฏิบัติทั้งของทางภาครัฐและเอกชน โดยกิจกรรมเพื่อสังคมที่ณเดชน์มีส่วนร่วม มีดังต่อไปนี้
ณเดชน์ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของ 1 ใน 12 สมาชิกโครงการ "คนหล่อขอทำดี ปีที่ 3" เข้าร่วมดูแลและอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยขยายวงครอบคลุมต่าง ๆ ได้แก่ ผืนป่า สัตว์ป่า และท้องทะเล โดยได้ปฏิบัติภารกิจที่มีชื่อว่า "อนุรักษ์ฝูงพะยูนที่ทะเลใต้" ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นโดยนิตยสาร สุดสัปดาห์
สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรมและองค์กรทางพระพุทธศาสนา ได้จัดพิธีมอบรางวัลศิลปินคุณธรรม ประจำปี 2554 ให้กับ 87 บุคคลสำคัญเนื่องในวันวิสาขบูชา โดยจัดงานครั้งนี้ณเดชน์ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเกียรติบัตรจากรางวัล "บุคคลผู้มีคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา" ต่อมาณเดชน์ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนติดต่อกันเป็นครั้งที่สองจาก 1 ใน 17 คน ของกิจกรรม "คนหล่อขอทำดี ปีที่ 4" โดยได้รับภารกิจ "ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันด้วยหนังสือ" ร่วมกับ "พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี" และเป็นคณะทูตของโครงการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม ประจำปี 2554 ซึ่งจัดขึ้นโดย สภากาชาดไทยณเดชน์และครอบครัว ร่วมบริจาคเงินทำบุญเนื่องในวันแม่แห่งชาติ 50,000 บาท สนับสนุนโครงการผ่าตัดเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
การตรวจคัดเลือกทหารกองเกินเพื่อเข้ารับราชการทหาร ประจำปี 2555 ทางกองทัพบก ได้รับเลือกให้ณเดชน์เป็นพรีเซ็นเตอร์ รณรงค์เชิญชวนชายไทยคัดเลือกทหาร โดยใช้สโลแกนว่า "หัวใจของดารา คือ ศรัทธาของประชาชน หน้าที่ชายไทยทุกคน คือ การไปแสดงตน เพื่อเข้ารับการตรวจเลือกทหาร"เรื่องราวอัตชีวประวัติจิปาถะต่าง ๆ ของณเดชน์ได้ถูกเขียนในหนังสือ "ณเดชน์ในดวงใจ" โดยมารดาบุญธรรมสุดารัตน์ คูกิมิยะ และณเดชน์ได้เล่าถึงมุมมองที่มีต่อผลงานการเขียนชิ้นแรก ของสุดารัตน์ด้วย จำหน่ายครั้งแรกในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 40 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม รายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ทั้งสุดารัตน์และณเดชน์นำไปบริจาคให้กับ 4 องค์กรการกุศล อันได้แก่ ครงการผ่าตัดเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แผนกโรคหัวใจ โรงเรียนขยายโอกาสบ้านนายูง ตำบลนายูง อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี และโรงเรียนขยายโอกาสบ้านบุ่งหมากลาน ตำบลปะโค อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน จัดงานแถลงข่าวโครงการ "พลังงานสร้างชีวิต พลังความคิดสร้างชาติ" โดยมีณเดชน์เป็นแอมบาสเดอร์ของโครงการนี้ และในปีเดียวกันนี้ก็ได้เป็น 1 ใน 13 ศิลปินชายผู้ปฏิบัติภารกิจของโครงการ "คนหล่อขอทำดี ปีที่ 5" ภายใต้ชื่อกิจกรรม "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์" อีกครั้งณเดชน์ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรการศึกษา ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนะแนวนักเรียนที่ร่วมโครงการ "บัณฑิตน้อยแบงคอค" เตรียมตัวเพื่อสอบแข่งขันเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 เมษายน ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ณเดชน์ร่วมงานกิจกรรม "ปฏิบัติการเคลียร์ลึกคูซอยพิพัฒน์ คืนความสะอาด..ป้องกันน้ำท่วมฯ" ร่วมกับ สำนักงานเขตบางรัก พร้อมด้วยกลุ่มจิตอาสา ร่วมกันขุดลอกทำความสะอาดคลองในซอยพิพัฒน์ หรือซอยสีลม 5 ที่หน้าอาคาร ยูไนเต็ด ย่านสีลมเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ณเดชน์เดินทางไปเป็นวิทยากรแนะแนวการศึกษา "คณะที่ใช่เรา" โดยมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับสถานศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษ ช่วงเช้าที่ โรงเรียนขุขันธ์ และช่วงบ่าย โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัยสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีการมอบรางวัล ในการจัดงานวันแม่แห่งชาติ ปี 2555 ณเดชน์ได้รับรางวัลลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ จาก 1 ใน 85 คนประเภท นักร้อง นักแสดง ศิลปิน โดยเข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ที่อาคารใหม่ สวนอัมพร ณเดชน์ถูกรับเลือกจากสภากาชาดไทย ให้ทำหน้าที่เป็นทูตรณรงค์เผยแพร่ความรู้มะเร็งเต้านม ประจำปี 2555 ติดต่อกันอีกครั้งได้เป็นทูตมูลนิธิรามาธิบดีฯ โครงการ "คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด" รณรงค์ร่วมบริจาคเงินสร้างศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลรามาธิบดี และมีการนำเสนอออกอากาศในรูปแบบของภาพยนตร์โฆษณาณเดชน์และครอบครัวได้จัดงานมหากฐินประจำปีของตระกูลคูกิมิยะ คืองานทอดกฐินพระราชทานสร้างโบสถ์วิหาร เจดีย์ ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เป็นการถวายพระมหากฐินประทานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ผลิตร่มที่พิมพ์ชื่อลายเซ็น โดยนำรายได้เป็นเงินทำบุญให้แก่วัด จัดขึ้นในวันที่ 18 พฤศจิกายน ได้ยอดเงินทำบุญจากประชาชนที่มาร่วมงานสูงถึง 4,174,277 บาท ซึ่งงานทอดกฐินในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ คนหล่อขอทำดี ปี 5 ด้วย แรกเริ่มวางแผนโครงการสร้างบ้านดิน เพราะประสบกับปัญหา ลม ฟ้า อากาศ
วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ตำหนักสมเด็จฯ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ ณเดชน์เข้ารับรางวัล "ศิลปินครอบครัวพุทธมามกะ" เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2556 โดยรางวัลดังกล่าวพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการโครงการรวมดวงใจศิลปินเพื่อพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งจากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ประกาศเกียรติคุณเป็นทูตพระพุทธศาสนาวิสาขบูชานานาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2556 ด้วย ในปีนี้ ณเดชน์ได้รับเลือกทูตรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม ปี 2556 ของศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นครั้งที่ 3 ร่วมกับ ภูภูมิ พงศ์ภาณุ และมาริโอ้ เมาเร่อ
ณเดชน์ได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ กิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่จัดทำขึ้น เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 12 สิงหาคม 2558 ซึ่งมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2558 โดยร่วมรณรงค์กิจกรรม และร่วมแสดงในมิวสิควิดีโอ “เพลงปั่นจักรยาน” กับเหล่าศิลปินนักแสดงทั่วฟ้าเมืองไทยหลากหลายค่ายหลากหลายสังกัด ซึ่งบทเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อรวมพลังสามัคคีและเพื่อใช้ประกอบวันแห่งประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ประพันธ์คำร้องโดย ประภาส ชลศรานนท์, ทำนองโดย จักรพัฒน์ เอี่ยมหนุน และขับร้องโดย 4 นักร้องคุณภาพ ก้อง สหรัถ สังคปรีชา, บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์, บี พีระพัฒน์ เถรว่อง และ ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย ซึ่งตลอดการถ่ายทำมิวสิควิดิโอในครั้งนี้ ศิลปินแต่ละคนต่างปลาบปลื้มที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ โดยพร้อมใจกันติดเข็มกลัดและสวมเสื้อจักรยานพระราชทานมาร่วมแสดง
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/รายชื่อผลงานของณเดชน์_คูกิมิยะ